ประวัติความเป็นมาของบริษัท
บริษัท คอฟฟี่มาร์ท จำกัด เริ่มก่อตั้งบริษัท ตั้งแต่ ปี 2541 ผู้ก่อตั้ง นาย ช่างปิง แซ่โค้ว เพื่อผลิตและจำหน่ายกาแฟคั่วอุปกรณ์ในการชงกาแฟนำเข้าเครื่องชงกาแฟจากต่างประเทศทำให้บริษัทมีองค์ความรู้ในด้านการผลิตกาแฟในเมืองไทยและตลาดกาแฟต่างประเทศบริษัทได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้เชียวชาญในด้านกาแฟและเป็นหนึ่งเดียวในใจลูกค้า
ปัจจุบันธุรกิจกาแฟของบริษัทคอมฟี่มาร์ท จำกัด เติบโตและสามารถรองรับการให้บริการให้กับลูกค้ากาแฟจากทั่วประเทศไม่ว่าจะห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารและร้านกาแฟขนาดใหญ่หรือแม้แต่ร้านกาแฟขนาดเล็กสำหรับคนรักกาแฟที่อยากจะมีร้านกาแฟขนาดเล็กเราก็พร้อมให้บริการทั้งเมล็ดกาแฟ อุปกรณ์การชงหลักสูตรการอบรมหรือแม้การให้บริการช่วยเหลือให้คำแนะนำทางด้านธุรกิจกาแฟ
วิสัยทัศน์
1. ให้ความสำคัญต่อการคิดค้นและวิจัยเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆที่ลูกค้าต้องการโดยใช้ความรู้ความชำนาญในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจกาแฟและให้ความสนใจในการรักษามาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้คงที่และดีอยู่เสมอ
2. เราจะยืนหยัดในความเป็นผู้นำโดยการส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟสู่ตลาดโลกโดยการมุ่งมั่นใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าสูงสุดตามความต้องการของผู้บริโภค
3. เราจะให้ความสนใจในการทำธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างเหมาะสม
4. เราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องทางด้านการจัดการและการบริหารทรัพยากรบุคคลตลอดจนการบริหารและจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดขององค์กร
บทบาทและหน้าที่ของแต่ละแผนกในบริษัท
1. แผนกบัญชี
การจัดทำเงินและบัญชีจัดเป็นงานสนับสนุนที่สำคัญของส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามแผนงานหรือนโยบายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ได้มีหน้าที่ในการบันทึกและดูแลจัดเตรียมเช็คสั่งจ่ายการรับเงิน การจัดเก็บเงิน การนำเงินฝากธนาคาร รวมทั้งการตรวจสอบความถูกต้องเงินฝากธนาคารมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของการบันทึกรายการ การจัดทำรายงานทางการเงินและบัญชี และการจัดเก็บเอกสารทางบัญชี
ปัญหาของแผนกบัญชี
1. เอกสารต่างๆ มีจำนวนมาก
2. ค้นหาเอกสารได้ยากเนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ
3. เอกสารสูญหายเพราะเอกสารมีมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้
4. การทำงบประมาณการเงินทำได้ยากเพราะเอกสารมีจำนวนมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ5. การอนุมัติงบประมาณเป็นไปอย่างล่าช้า
2. แผนกคลังสินค้า
ระบบการจัดการคลังสินค้าเป็นระบบที่ช่วยจัดการสินค้าในสต๊อกสินค้าของบริษัทให้เป็นไปอย่างเป็นระบบ เช่น การจ่ายสินค้า การนำเข้าสินค้า การบริหารการใช้วัตถุดิบในการผลิตสามารถรองรับการกำหนดคลังสินค้าได้จำนวนมากและแยกคลังได้หลายประเภทคลังสินค้าในแต่บริษัทสามารถรองรับทั้งสินค้าสำเร็จรูปวัสดุสิ้นเปลือง และวัตถุดิบสำหรับการผลิตและสามารถสร้างสินค้าเป็นชุดเมื่อทำการขายหรือเบิกสินค้า
ปัญหาของแผนกคลังสินค้า
1. ในการเช็คสต็อกอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นเนื่องจากสินค้าจัดเก็บอยู่หลายที่ทำให้อาจลืมเช็คได้
2. ไม่รู้จำนวนที่แท้จริงของสต๊อกสินค้าที่อยู่ภายในคลัง
3. เอกสารสูญหายเพราะเอกสารมีมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ
4. การตรวจสอบทำได้อย่างล่าช้า
5. ปัญหาไม่มีพนักงานที่รู้พื้นที่เก็บสินค้าแต่ละชนิดว่าอยู่ตรงไหนทำให้เกิดความล่าช้าได้
3. แผนกการขาย
มีหน้าที่ในการบริการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าโดยแผนกขายจะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มาสั่งซื้อและข้อมูลการสั่งซื้อเก็บข้อมูลการขายสินค้า
ปัญหาของแผนกการขาย
1. เนื่องจากสินค้ามีปริมาณมากทำให้กำหนดและวางแผนการตลาดได้ยุ่งยาก
2. เอกสารสูญหายเพราะเอกสารมีมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ
3. การตรวจสอบสต๊อกในคลังสินค้าทำได้ล่าช้า
4. แผนกจัดซื้อ
มีหน้าที่จัดซื้อวัตถุดิบชิ้นส่วนหรือวัสดุต่างๆที่หน่วยงานต้องการให้ตรงกับความต้องการทั้งในด้านปริมาณคุณภาพและเวลาโดยให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด
ปัญหาของแผนกจัดซื้อ
1. ไม่ทราบราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไม่แน่นอน
2. เวลาในการสั่งของสินค้าและได้รับนั้นไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด
3. เอกสารที่ใช้ในการสั่งซื้ออาจสูญหายได้เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นระเบียบ
4. การค้นหาเอกสารอาจจะได้ยาก
5. แผนกจัดส่งสินค้า
มีหน้าที่ในการจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคโดยรับสินค้าจากแผนกคลังสินค้า
ปัญหาของแผนกจัดส่งสินค้า
1. เอกสารข้อมูลสินค้ามีจำนวนมากเนื่องจากสินค้ามีหลายชนิดและหลายขนาดทำให้การจัดเก็บเอกสารไม่เป็นระเบียบ
2. เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสารเพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
ค้นหาเอกสารข้อมูลสินค้าได้ยากเนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ
3. ถ้าข้อมูลสูญหายจะทำให้ไม่สามารถไปจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
4. ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าอาจใช้เวลานานเนื่องจากต้องมีการค้นหาข้อมูลลูกค้าก่อน
5. ข้อมูลมีความแตกต่างเช่นลูกค้ามีที่อยู่หลายที่ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าจะจัดส่งสินค้าให้ไหน
ปัญหาระหว่างแผนก
ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีกับแผนกซื้อ
1. การอนุมัติสั่งซื่อล่าช้าทำให้ฝ่ายจัดซื้อเสียเวลาในการหาอุปกรณ์
2. ต้นทุนในการซื้อสินค้าในการขนส่งสูงรายได้ต่ำ
3. ฝ่ายจัดซื้อไม่แจ้งจำนวนเงินในการจำหน่ายสินค้าให้ฝ่ายบัญชีและการเงินทราบทำให้ฝ่ายบัญชีและการเงินไม่สามารถจัดทำงาบประมาณการเงินได้
ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีกับแผนกขายสินค้า
1. ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารในการขายสินค้าสูญหายแผนกบัญชีจะไม่ทราบยอดการขายสินค้า
2. ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารใบเสร็จของลูกค้าสูญหายแผนกบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าจ่ายเงินหรือยัง 3. ในกรณีที่แผนกขายได้ขายสินค้าไปโดยไม่ได้แจ้งให้แผนกบัญชีทราบจะทำให้ยอดขายกับยอดการเงินไม่เท่ากัน
ปัญหาระหว่างแผนกคลังสินค้ากับแผนกซื้อ
1. การอนุมัติสั่งซื่อล่าช้าทำให้ฝ่ายจัดซื้อเสียเวลาในการหาอุปกรณ์
2. ต้นทุนในการซื้อสินค้าในการขนส่งสูงรายได้ต่ำ
3. ฝ่ายจัดซื้อไม่แจ้งจำนวนเงินในการจำหน่ายสินค้าให้ฝ่ายบัญชีและการเงินทราบทำให้ฝ่ายบัญชีและการเงินไม่สามารถจัดทำงาบประมาณการเงินได้
ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีกับแผนกขายสินค้า
1. ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารในการขายสินค้าสูญหายแผนกบัญชีจะไม่ทราบยอดการขายสินค้า
2. ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารใบเสร็จของลูกค้าสูญหายแผนกบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าจ่ายเงินหรือยัง 3. ในกรณีที่แผนกขายได้ขายสินค้าไปโดยไม่ได้แจ้งให้แผนกบัญชีทราบจะทำให้ยอดขายกับยอดการเงินไม่เท่ากัน
ปัญหาระหว่างแผนกคลังสินค้ากับแผนกซื้อ
1. แผนกซื้อสินค้าจะไม่รู้ว่าในแผนกคลังสินค้ามีสต๊อกสินค้าเหลือมากหรือน้อยเท่าไร
2. แผนกซื้อสินค้าจะไม่รู้ว่าควรมีการสั่งซื้อสินค้าจำนวนเท่าไรมาไว้ในคลังสินค้าปัญหาระหว่าง
ปัญหาระหว่างแผนกขายสินค้ากับแผนกคลัง
1. หากแผนกขายไม่มีเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าทำให้ฝ่ายคลังสินค้าไม่สามารถตรวจสอบสินค้าได้2. ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้าทำให้เมื่อแผนกขายจะขายสินค้าก็จะไม่ทราบว่ามีสินค้าจำนวนเพียงพอหรือไม่
ปัญหาระหว่างแผนกขายสินค้าแผนกจัดส่งสินค้า
ปัญหาระหว่างแผนกขายสินค้ากับแผนกคลัง
1. หากแผนกขายไม่มีเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าทำให้ฝ่ายคลังสินค้าไม่สามารถตรวจสอบสินค้าได้2. ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้าทำให้เมื่อแผนกขายจะขายสินค้าก็จะไม่ทราบว่ามีสินค้าจำนวนเพียงพอหรือไม่
ปัญหาระหว่างแผนกขายสินค้าแผนกจัดส่งสินค้า
1. หากแผนกขายไม่มีเอกสารข้อมูลของลูกค้าทำให้ฝ่ายส่งสินไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลขอลูกค้าได้
2. ถ้าแผนกขายทำเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าหายจะทำให้แผนกจัดส่งสินค้าไม่ทราบว่าจะส่งสินค้าให้กับลูกค้าไม่ได้
ปัญหาระหว่างแผนกคลังสินค้ากับแผนกจัดส่งสินค้า
1. ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้าว่ามีพอสำหรับการจัดส่งสินค้าหรือไม่แผนกจัดส่งสินค้าก็อาจจะไม่มีสินค้าไปจัดส่งให้กับลูกค้า
2. หากเอกสารในการจัดส่งสินค้าสูญหายแผนกคลังสินค้าก็จะไม่สามารถรู้จำนวนสิค้าที่จะจัดส่ง
ปัญหาทั้งหมดและระบบแก้ไขปัญหา
1. ในการเช็คสต็อกอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นเนื่องจากสินค้าจัดเก็บอยู่หลายที่ทำให้อาจลืมเช็คได้2. ไม่รู้จำนวนที่แท้จริงของสต๊อกสินค้าที่อยู่ภายในคลัง3. เอกสารสูญหายเพราะเอกสารมีมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ
4. การตรวจสอบทำได้อย่างล่าช้า 5. ปัญหาไม่มีพนักงานที่รู้พื้นที่เก็บสินค้าแต่ละชนิดว่าอยู่ตรงไหนทำให้เกิดความล่าช้าได้6. เนื่องจากสินค้ามีปริมาณมากทำให้กำหนดและวางแผนการตลาดได้ยุ่งยาก7. การตรวจสอบสต๊อกในคลังสินค้าทำได้ล่าช้า8. ไม่ทราบราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไม่แน่นอน9. เวลาในการสั่งของสินค้าและได้รับนั้นไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด10. เอกสารที่ใช้ในการสั่งซื้ออาจสูญหายได้เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นระเบียบ11. เอกสารข้อมูลสินค้ามีจำนวนมากเนื่องจากสินค้ามีหลายชนิดและหลายขนาดทำให้การจัดเก็บเอกสารไม่เป็นระเบียบ12. เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสารเพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม13. ค้นหาเอกสารข้อมูลสินค้าได้ยากเนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ14. ถ้าข้อมูลสูญหายจะทำให้ไม่สามารถไปจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ15. ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าอาจใช้เวลานานเนื่องจากต้องมีการค้นหาข้อมูลลูกค้าก่อน16. ข้อมูลมีความแตกต่าง เช่น ลูกค้ามีที่อยู่หลายที่ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าจะจัดส่งสินค้าให้ที่ไหน17. การอนุมัติสั่งซื่อล่าช้าทำให้ฝ่ายจัดซื้อเสียเวลาในการหาอุปกรณ์18. ต้นทุนในการซื้อสินค้าในการขนส่งสูง รายได้ต่ำ19. เอกสารต่างๆ มีจำนวนมาก
20. ค้นหาเอกสารได้ยากเนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ21. เอกสารสูญหายเพราะเอกสารมีมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้22. การทำงบประมาณการเงินทำได้ยากเพราะเอกสารมีจำนวนมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ5.การอนุมัติงบประมาณเป็นไปอย่างล่าช้า23. มีเอกสารเป็นจำนวนมาก อาจสูญหายได้
ปัญหาทั้งหมดและระบบแก้ไขปัญหา
1. ในการเช็คสต็อกอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นเนื่องจากสินค้าจัดเก็บอยู่หลายที่ทำให้อาจลืมเช็คได้2. ไม่รู้จำนวนที่แท้จริงของสต๊อกสินค้าที่อยู่ภายในคลัง3. เอกสารสูญหายเพราะเอกสารมีมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ
4. การตรวจสอบทำได้อย่างล่าช้า 5. ปัญหาไม่มีพนักงานที่รู้พื้นที่เก็บสินค้าแต่ละชนิดว่าอยู่ตรงไหนทำให้เกิดความล่าช้าได้6. เนื่องจากสินค้ามีปริมาณมากทำให้กำหนดและวางแผนการตลาดได้ยุ่งยาก7. การตรวจสอบสต๊อกในคลังสินค้าทำได้ล่าช้า8. ไม่ทราบราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไม่แน่นอน9. เวลาในการสั่งของสินค้าและได้รับนั้นไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด10. เอกสารที่ใช้ในการสั่งซื้ออาจสูญหายได้เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นระเบียบ11. เอกสารข้อมูลสินค้ามีจำนวนมากเนื่องจากสินค้ามีหลายชนิดและหลายขนาดทำให้การจัดเก็บเอกสารไม่เป็นระเบียบ12. เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสารเพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม13. ค้นหาเอกสารข้อมูลสินค้าได้ยากเนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ14. ถ้าข้อมูลสูญหายจะทำให้ไม่สามารถไปจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ15. ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าอาจใช้เวลานานเนื่องจากต้องมีการค้นหาข้อมูลลูกค้าก่อน16. ข้อมูลมีความแตกต่าง เช่น ลูกค้ามีที่อยู่หลายที่ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าจะจัดส่งสินค้าให้ที่ไหน17. การอนุมัติสั่งซื่อล่าช้าทำให้ฝ่ายจัดซื้อเสียเวลาในการหาอุปกรณ์18. ต้นทุนในการซื้อสินค้าในการขนส่งสูง รายได้ต่ำ19. เอกสารต่างๆ มีจำนวนมาก
20. ค้นหาเอกสารได้ยากเนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ21. เอกสารสูญหายเพราะเอกสารมีมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้22. การทำงบประมาณการเงินทำได้ยากเพราะเอกสารมีจำนวนมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ5.การอนุมัติงบประมาณเป็นไปอย่างล่าช้า23. มีเอกสารเป็นจำนวนมาก อาจสูญหายได้
24. ฝ่ายจัดซื้อไม่แจ้งจำนวนเงินในการจำหน่ายสินค้าให้ฝ่ายบัญชีและการเงินทราบทำให้ฝ่ายบัญชีและการเงินไม่สามารถจัดทำงาบประมาณการเงินได้25. ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารในการขายสินค้าสูญหายแผนกบัญชีจะไม่ทราบยอดการขายสินค้า
26. ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารใบเสร็จของลูกค้าสูญหายแผนกบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าจ่ายเงินหรือยัง
27. ในกรณีที่แผนกขายได้ขายสินค้าไปโดยไม่ได้แจ้งให้แผนกบัญชีทราบจะทำให้ยอดขายกับยอดการเงินไม่เท่ากัน
28. แผนกซื้อสินค้าจะไม่รู้ว่าในแผนกคลังสินค้ามีสต๊อกสินค้าเหลือมากหรือน้อยเท่าไร
29. แผนกซื้อสินค้าจะไม่รู้ว่าควรมีการสั่งซื้อสินค้าจำนวนเท่าไรมาไว้ในคลังสินค้า
30. หากแผนกขายไม่มีเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าทำให้ฝ่ายคลังสินค้าไม่สามารถตรวจสอบสินค้าได้
31. ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้าทำให้เมื่อแผนกขายจะขายสินค้าก็จะไม่ทราบว่ามีสินค้าจำนวนเพียงพอหรือไม่
32. หากแผนกขายไม่มีเอกสารข้อมูลของลูกค้าทำให้ฝ่ายส่งสินไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลขอลูกค้าได้
33. ถ้าแผนกขายทำเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าหายจะทำให้แผนกจัดส่งสินค้าไม่ทราบว่าจะส่งสินค้าให้กับลูกค้าไม่ได้
34. ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้าว่ามีพอสำหรับการจัดส่งสินค้าหรือไม่แผนกจัดส่งสินค้าก็อาจจะไม่มีสินค้าไปจัดส่งให้กับลูกค้า
35. หากเอกสารในการจัดส่งสินค้าสูญหายแผนกคลังสินค้าก็จะไม่สามารถรู้จำนวนสิค้าที่จะจัดส่ง
วัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบ
ในการพัฒนาระบบฝ่ายขายมีวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานเพื่อวิเคราะห์ออกแบบและพัฒนาให้เป็นระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้
ขอบเขตของระบบ
1. ระบบมีการป้องกันข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2. ระบบจะต้องแบ่งการทำงานแต่ละส่วนอย่างชัดเจนแต่ข้อมูลสามารถเชื่อมโยงกันได้
3. ระบบจะต้องรองรับการทำงานแบบ Multi-User ได้
4. ระบบจะต้องใช้งานง่ายและสะดวก
ประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบใหม่
1. ไม่มีการทำงานที่ซ้ำซ้อน
2. ทุกแผนกสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
3. การท างานของแผนกฝ่ายขายจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. สามารถประมวลผลรายการธุรกรรมและติดตามรายการสั่งซื้อสินค้าได้
ขั้นตอนที่ 1
การค้นหาและเลือกสรรโครงการและการประเมินความต้องการของบริษัท
ตารางแสดงรายการการทำงาน (Functions) หรือกิจกรรมทั้งหมดของบริษัท
แสดงการจำแนกกิจกรรม (Activities) ของหน้า ที่การทำงาน (Functions) ในบริษัท
แสดงความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ตารางสรุปการพิจารณาของโครงการพัฒนาระบบ
จากการพิจารณาโครงการทั้ง 4 โครงการตามวัตถุประสงค์ลักษณะหรือขนาดของโครงการและ ผลประโยชน์จะพบว่าโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์และให้ผลประโยชน์แก่บริษัทมากที่สุดคือโครงการระบบการขายรองลงมาคือโครงการระบบการผลิตสินค้า ระบบคลังสินค้า และระบบบัญชีการเงิน ตามลำดับ บริษัทจึงเลือกพัฒนาโครงการระบบการขาย
ขั้นตอนที่ 2
การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
การกำหนดความต้องการของระบบ
โครงการในขั้นตอนที่ผ่านมาและได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเบื้องต้นเพื่อค้นหาปัญหาที่เกิด
ขึ้นมาบ้างแล้วนั้น ในขั้นตอนการวิเคราะห์ระบบจึงเริ่ม ต้นด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล
เพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ปัญหาที่พบจากระบบเดิม
1. แผนกฝ่ายขายกำหนดราคาสินค้าลำบากเนื่องจากสินค้ามีจำนวนมาก
2. ระบบไม่สามารถวิเคราะห์การขายได้
3. มีสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น แต่ไม่มีชื่อสินค้าอยู่ในแผนกขาย
ความต้องการในระบบใหม่
1. สามารถเรียกดูข้อมูลสินค้าที่มีอยู่จริงในคลัง
2. สามารถแก้ไข หรือปรับปรุงข้อมูลราคาสนิค้าได้
3. สามารถคำนวณราคาสนิค้าได้โดยอัตโนมัติและแสดงรายงานได้
4. สามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าและกลุ่มตลาด
5. ทุกแผนกสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
6. สามารถสืบค้นข้อมูลสินค้าได้ตามเงื่อนไขที่ต้องการ
7. เพิ่มประสิทธิภาพในการท างานของฝ่ายขายและการตลาด
8. การจัดทำรายงานมีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. การทำงานจะมีความสะดวกและรวดเร็วกว่าระบบงานเดิม
2. ไม่เกิดการซ้ำซ้อนของข้อมูลเพราะมีการจัดการ จัดเก็บ ข้อมูลที่ดีกว่าเดิม
3. สามารถแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ ของแต่ละแผนกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อลดความผิดพลาดในการทำงาน
ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ
1.นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ เป็นบุคคลที่มีความรู้ในเรื่องของการทำงานของระบบสารสนเทศที่นำมาใช้ ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูลและติดต่อประสานงานระหว่างผู้ใช้ พนักงานหรือทีมโปรแกรม จำทำเอกสารของระบบรวมถึงการทดสอบโปรแกรมของระบบ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.โปรแกรมเมอร์ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ 3 คน ทำหน้าที่ในการเขียนและติดตั้งโปรแกรมของระบบที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลง รวมทั้งทดสอบโปรแกรมของระบบใหม่
ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
จากดังกล่าวเราอาจจะมีการแบ่งงานออกเป็นทีมหรือว่ามีการระบุหน้าที่ให้แต่ละฝ่ายหรือแต่ละคนทราบ เพื่อที่งานจะประสบผลสำเร็จ ปัจจุบันทางบริษัทได้มีการใช้ระบบเครือข่าย LAN อยู่แล้วหรือเครือข่ายที่มีความเร็วสูงกว่านี้ มีรายละเอียดพอเข้าใจดังนี้
1. เครื่องแม่ข่าย (Server) จำนวน 5 เครื่อง
2. เครื่องลูกข่าย (Workstation) จำนวน 50 เครื่อง
3. เครื่องพิมพ์ (Printer) จำนวน 15 เครื่อง
ปัจจุบันทางบริษัทได้นำเทคโนโลยีหลายอย่างมาใช้ในการบริหารงาน ซึ่งปัจจุบันมีรายละเอียดดังนี้
1.ระบบโปรแกรม 1 ระบบ
2.เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและลูกข่ายตามจำนวนที่บริษัทต้องการ
3.บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการทำงานของโปรแกรม
4.อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบ
สรุปงบประมาณที่ใช้ในของแต่ละฝ่ายได้ดังนี้
1. ในส่วนของผู้บริหาร
- ค่าตอบแทนสำหรับทีมงานพัฒนา
- นักวิเคราะห์และออกแบบระบบโปรแกรมเมอร์ 65000
2. แผนกทุกแผนกที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ
- ค่าการฝึกอบรมพนักงานใหม่เกี่ยวกับระบบใหม่ 25000
3. การจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ
- เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่ใช้ในการลงระบบ 60000
- อื่น ๆ 15000
ประมาณการใช้งบประมาณ
จากรายการดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ที่ทางองค์กรจ่ายในการปรับปรุงระบบ ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ที่ใช้เพราะในแต่ละองค์กรจะมีหลายแผนกในการทำงานและงานในแต่ละระบบจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงไม่เท่ากัน
ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาในการดำเนินงานการวิเคราะห์ระบบของบริษัท คอฟฟี่ จำกัด ที่ต้องการนำระบบมาใช้ในการทำงานในส่วนของระบบจัดการตารางเวลาเพื่อความสะดวกในส่วนของการทำงานภายในบริษัท ซึ่งก่อนที่จะได้เริ่มทำงานนั้นเราจะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาถึงขั้นตอนต่าง ๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 5 เดือน คือ เริ่มตั้งแต่มกราคม ถึง มิถุนายน 2554 ซึ่งสามารถแสดงรายละเอียดการดำเนินงานได้ดังนี้
รายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหาร
จากการศึกษาปัญหาที่พบจากระบบเดิมของบริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด ส่วนใหญ่บริษัทจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้แล้วบางส่วนแต่บางระบบก็ต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องมีการจัดทำระบบใหม่ขึ้น เมื่อเราทำการวิเคราะห์ระบบแล้วขั้นตอนต่าง ๆ ที่เราได้ทำก็จะจัดทำรายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหารเพื่อให้ทราบขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ซึ่งจะมีขั้นตอนประกอบย่อย ๆเพื่อความเข้าใจง่าย 2 ด้านดังนี้
1. ความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค
ในส่วนนี้อาจจะเกี่ยวกับ ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ขอระบบเดิมว่ามีการใช้ส่วนใดบ้าง เช่น โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อใช้งานในด้านต่าง ๆ และอุปกรณ์อื่น ๆ
2. ความเป็นไปได้ทางด้านการปฏิบัติงาน
ทำการศึกษาด้านต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานของผู้ใช้ของระบบใหม่ที่จะนำมาใช้กับบริษัท ซึ่งขั้นตอนนี้จะเกี่ยวกับการทดสอบ การทดลองของระบบว่าระบบใหม่นี้มีผลต่อการทำงานของบริษัทอย่างไรจากการทำงานของนักวิเคราะห์ระบบผลที่ได้ประสบผลสำเร็จระบบที่ได้เป็นที่ตรงตามความต้องการของบริษัท
ขั้นตอนที่ 3
การกำหนดความต้องการของระบบ
การกำหนดความต้องการของระบบ
เมื่อโครงการพัฒนาระบบจัดการตารางเวลา ได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นตอนที่ผ่านมา ดั้งนั้นจึงเริ่มต้นด้วยความการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้ ทีมงานเลือกใช้วิธีการออกแบบสอบถาม (Questionnaire)บุคคลผู้ตอบแบบสอบถามคือผู้จัดการแผนกต่างๆ การใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในส่วนที่ต้องการพัฒนา เนื่องจากทีมงานสามารถควบคุมหัวข้อคำถามที่ต้องการรายละเอียดได้มากกว่าการสัมภาษณ์ ไม่ต้องมีกาจดบันทึก ไม่รบกวนเวลาทำงานของผู้จัดการแผนกต่างๆมากนัก สามารถเก็บข้อมูลได้มากตามการตั้งคำถามในแบบสอบถาม อีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกมีอิสระในการให้ข้อมูล
โครงการพัฒนาระบบการผลิตและคลังสินค้า
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทมีจำนวนสินค้าที่เหมาะสมแก่การจำหน่าย โดยมีการเก็บข้อมูลจากฝ่ายขาย ว่าบริษัทมีการประมาณการจำหน่ายสินค้าอย่างไรและนำมาทำการ วิเคราะห์เพื่อผลิตสินค้า และคงคลังให้พอเหมาะ ซึ่งจะทำให้สามารถคาดคะเนการผลิตได้ถูกต้อง
- โครงการพัฒนาระบบการขาย
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การทำงานของบริษัทมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น รายละเอียดลูกค้า รายละเอียดการขายสินค้า รวมถึงการบริการต่าง ๆ แล้วทำการกระจายข้อมูลไปยังฝ่ายต่าง ๆ ที่ต้องการข้อมูลในส่วนนั้น ๆ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- โครงการพัฒนาบุคลากรในการทำงาน
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง และมีการอบรม สัมมนาให้บุคลากรทำงานในหน้าที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อให้บริษัทมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ของโครงการทั้ง 4 แล้ว พบว่าล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์กับบริษัทจึงจำเป็นต้องคัดเลือกโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทมากที่สุด ดังนั้นจึงเริ่มต้นด้วยการนำโครงการทั้ง 4 มาเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อค้นหาโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด และสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัทได้ ดังรายละเอียดของตารางต่อไปนี้
ข้อมูลและเอกสารของระบบงานเดิมที่รวบรวมได้
จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากแผนกต่างๆ ด้วยวิธีการออกแบบสอบถาม สามารถสรุปข้อมูลที่ได้รับดังนี้
1. ข้อมูลระบบการทำงานของแต่ละแผนก
2. ความเหมาะสมของเวลาการทำงานต่อคนต่องาน
3. ระยะเวลาของแต่ละส่วนงานที่ได้รับ
ความต้องการของระบบใหม่ของผู้ใช้
จากการรวบรวมความต้องการของระบบใหม่ทำให้ทีมงานได้ข้อมูลเพิ่มเติม จังได้นำมาวิเคราะห์หาขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ตามความต้องการดังนี้
1. สามารถเรียกดูข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
2. สามารถแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลได้โดยสะดวก
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4.การจัดทำรายงานมีความสะดวกรวดเร็วขึ้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าว สามารถแบ่งการทำงานดังนี้
ระบบการจัดการตารางเวลา เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานและก่อให้เกิดผลกำไรต่อบริษัทมากที่สุด เพราะระบบจะทำการตรวจเช็คเวลาสินค้าที่ผลิตออกมาเวลามีระยะเวลาการทำงานเท่าไร เริ่มต้นและสิ้นสุดเท่าไร ทำให้สามารถผลิตสินค้าเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไม่เกิดปัญหาต่อลูกค้าและบริษัท จึงก่อให้เกิดผลดีและกำไรสูงสุด
ขั้นตอนที่ 4
แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
หลังจากโครงการพัฒนาระบบงานฝ่าย ได้รับการอนุมัติแล้ว ทีมงานพัฒนาระบบจึงได้วิเคราะห์ความต้องการของระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้จากผู้ใช้ระบบโดยสามารถจำลองได้ด้วยแผนภาพกระแสข้อมูล ดังนี้
Data Dictionary
ขั้นตอนที่ 5
การออกแบบ User Interfaces
แฟ้มผู้ใช้งานระบบ
1. ผู้ดู แลระบบสามารถกำหนดสิทธิ การใช้ ข้อมูลของผู้ใช้ งานแต่ ละคนหรือแต่ ละกลุ่ม ได้ ตาม
ต้องการ
2. ผู้ใช้ แต่ ละคนสามารถตั้งรหัสผ่าน (PassWord) ของตนเองได้
3. สามารถแบ่งระดับชั้นของผู้ใช้ งานได้ว่าเป็นพนักงาน, ผู้จัดการแผนก หรื อ ผู้ดู แลระบบ
4. สามารถกำหนดสิทธิ การใช้ ข้อมูลได้ ทุกเมนูย่อย แม้ แต่ เมนู ย่อย/รายงาน/งบการเงิน ที่สร้าง
ระบบขายสินเชื่อ
1. สามารถพิมพ์ และแก้ไขรูปแบบในแต่ ละเอกสารที่แตกต่างกันได้ 3 รูปแบบตัวอย่าง เช่น ใบ
เสนอราคา , บิลเงินสด และเฉพาะใบสั่งขาย, ใบกำกับสินค้า/ใบกากับภาษี สามารถกำหนดได้ ถึง9 แบบ
2. สามารถบันทึกขายสินค้าที่มี ภาษี มูลค่าเพิ่ม(VAT)อัตราปกติ และที่ได้ รับยกเว้นภาษี ไว้ ในบิ ลงใบเดียวกันได้
3. สามารถเปลี่ยนชื่อสินค้าในใบกำกับสินค้าได้ ตามต้องการ
4. สามารถขายสินค้าด้วยหน่วยนับที่แตกต่างกับหน่วยนับที่เก็บในสต๊อคได้ เพียงแต่ มี อัตราส่วนที่ สัมพันธ์กัน
รายละเอียดลูกค้า
1. สามารถพิมพ์รายชื่อของลูกค้าลงบนสติกเกอร์ และจ่าหน้าซองจดหมายได้
2. สามารถปรับเปลี่ยนรหัสลูกค้า, รหัสพนักงานขาย และรหัสรายได้ อื่น ๆ ได้ ตลอดเวลา
3. สามารถค้นหาข้อมูลตามรหัสลูกค้า หรือชื่อ บริษัท และมี Look up ในกรณี ทีจำ รหัสไม่ ได้
รายละเอียดสินค้า
1. สามารถเลือกได้ ว่าต้องการแสดงราคาขายที่ตัวสินค้าชุ ด หรือที่ส่วนประกอบ
2. ในการซื้อสินค้าชุ ด โปรแกรมจะทำการแตกย่อยเป็นส่วนประกอบและเพิ่มในสต็อคให้ทันที
3. การเพิ่มสินค้าชุดใหม่ ที่มี ส่วนประกอบคล้ายกับสินค้าชุดเดิม สามารถก๊อปปี้สินค้าชุดเดิมมา
แก้ไข-เพิ่มเติมได้ ทันที
4. สามารถกำหนดหน่วยนับซื้อ, หน่วยนับขาย ต่างกับหน่วยนับหลักได้ (หน่วยนับที่เก็บไว้ในสต๊อคและเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด) แต่ ต้องมี อัตราส่วนที่สัมพันธ์ กับหน่วยนับหลัก และมี
ขั้นตอนที่ 6
การพัฒนาและติดตั้งระบบ
ในขั้นตอนของการติดตั้งระบบนี้ประกอบด้วยงานต่างๆ
ที่จะต้องทำเป็นลำดับคือ
1. การเขียนโปรแกรมของระบบใหม่
2. ทดสอบโปรแกรม
3. การติดตั้งระบบใหม่
สำหรับกระบวนการติดต้้งระบบนี้จะเริ่มลงมือหลังจากผู้บริหารได้ ตกลงยอมรับระบบใหม่ เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนนี้ ประกอบด้วย การติดตั้งระบบใหม่และยกเลิกการทำงานของระบบเก่า ในระยะการติดตั้งระบบนี้จะเป็นส่วนที่ยากที่สุดในทุกๆ งาน ดังนั้นจึงควรเผื่อเวลาสำหรับทำงานในกรณีที่ ล่าช้ากว่ากำหนดเอาไว้ บ้าง ในระหว่างการติดตั้งระบบ ปัญหาที่ไม่คาดคิดจากช่วงของการออกแบบระบบมักจะเกิดขึ้นกา แก้ไขปัญหาเหล่านี้จึงมีผลทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้ออกแบบไว้ดังนั้นนักวิเคราะห์ระบบที่ดีควรยอมรับการแก้ไขเหล่านั้น ในขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาความเหมาะสมไมปรับเปลี่ยนเกินความจำเป็นการติดตั้งระบบประกอบด้วย 3 อย่างด้วยกัน เริ่มจากการเขียนโปรแกรมในขั้นตอนสามารถรุ่น ระยะเวลาให้สั้นลงได้ ถ้าสามารถซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้แทนการการเขียนเองทั้งหมด ขั้นต่อไปคือ การทดสอบโปรแกรมซึ่งประกอบด้วยการทดสอบการทำงานแต่ละโปรแกรม การทดสอบระบบรวมและการทำเอกสารประกอบ ขั้นตอนสุดท้ายคือการติดตั้งระบบ
การเขียนโปรแกรมระบบใหม่
1. สรุปรูปแบบของข้อมูล (Output) และข้อมูลเข้า (Input) ข้อมูลอกได้ แก่ รายงานรูปแบบต่าง
ที่ผู้ใช้หรือผู้บริหารต้องการ ส่วนข้อมูลเข้า ได้ แก่ หน้าจอ (Screen) สำหรับใส่ข้อมูลที่จำเป็นต้อง
ใช้ ในการออกแบบรายงานต่าง ๆ เหล่านั้น รวมแหล่งที่มาของข้อมูลและการเปลี่ยนรูปแบบของ
ข้อมูลเพื่อให้คอมพิวเตอร์ เข้าใจได้
2. เขี ยนโปรแกรม Flow Chart เพื่อแสดงการทางานทุกขันตอนของโปรแกรม
3. ออกแบบแฟ้ มข้ อมูล (File Layout) ตามความเหมาะสมในการใช้ งาน ลั กษณะแฟ้ มข้ อมู ล
4. เขี ยนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์
5. ทำาการ Compile และตรวจสอบความถูกต้องในการท างานของโปรแกรม โดยอาจจะสมมติ
ข้อมูลง่าย ๆ ไว้ ใช้ เป็นตัวอย่างในการทดสอบ
6. ทดสอบการท างานรวมของระบบ
การติดตั้งระบบใหม่
เป็นขั้นการเปลี่ยนจากการทำงานแบบเดิมมาเป็นการทำงานในระบบใหม่งานขั้นนี้ไม่ค่อย
ซับซ้อนแต่ จะใช้ เวลานาน โดนทeงานดังต่อไปนี้
1. เขียนคู่มืออธิ บายการใช้ ระบบงาน
2. จัดทำแบบฟอร์มต่าง ๆ สำหรับใช้ กับระบบงานใหม่
3. จัดฝึกอบรมผู้ปฏิบั ติงานและผู้ใช้ จนมี ความเข้าใจ
4. เปลี่ยนข้อมูลที่เดิมมีอยู่แล้วให้เป็นข้อมูลระบบใหม่
ขั้นตอนที่ 7
ซ่อมบำรุงระบบ
1.ตรวจสอบการทำงานโดยภาพรวมและดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ
2.ทำการซ่อมแซมหรือแก้ไข อุปกรณ์ที่ขัดข้องหรือชำรุด
3.ดูแลให้มีการบำรุงรักษา ตามกำหนดในสัญญานี้
4.ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ด้านสารสนเทศของในการทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น